.comment-link {margin-left:.6em;}

Noi's life & thoughts

Sunday, October 31, 2004

ปาร์ตี้ หมา หมา

จะไปหาคนร่วมหอน ... ไปด้วยกันมั๊ย?

Friday, October 29, 2004

อย่างฮา ...

iannnnnV2 is coming to town

Tuesday, October 26, 2004

ขออโหสิกรรม

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมใดก็ดี ที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินท่าน ทั้งต่อหน้าก็ดี ทั้งลับหลังก็ดี จะโดยเจตนาก็ดี โดยไม่เจตนาก็ดี ข้าพเจ้าขอให้ท่านจงโปรดอดโทษและอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วย

หากมีสิ่งใด บุคคลใดที่ข้าพเจ้าเคยเพ่งโทษ โกรธเคือง เคียดแค้น ผูกใจเจ็บไว้ ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้และขอเป็นผู้ไม่ผูกเวรไม่จองเวรกันต่อไป

====
มาขออโหสิกรรม และมาให้อโหสิกรรม เพราะเมื่อคืนฝันว่ากำลังจะตาย โดยที่ไม่ทันได้บอกลาใคร -_-" เศร้านะ ในฝันเห็นว่าคุณพ่อกำลังจะเดินทางมา แต่ไม่ทัน เราไม่ได้บอกรักท่านเลย ข้างกายเราก็ไม่มีใครสักคน ไม่ได้ลาใครสักคน ...

พอตื่นมา หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็เลยเดินไปกราบคุณพ่อที่ตัก (ท่านกำลังนั่งทำงานอยู่หลังบ้าน) เล่าความฝันให้ท่านฟัง กอดท่าน บอกท่านว่าเรารักท่าน และจูบที่มือ จากนั้นก็ออกมาทำแบบเดียวกันกับคุณแม่บ้าง

ตอนนี้สบายใจหล่ะ ... ถ้าต้องตายลงตอนนี้จริงๆ ก็คงไม่เหลืออะไรค้างคาใจมากเหมือนเมื่อก่อน ยังคงเหลือแต่เร่งทำพระนิพพานให้แจ้ง (อีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้) :)

Sunday, October 24, 2004

Spread FireFox

มาใช้ FireFox กันเถอะ :)

Thursday, October 21, 2004

"ขอบคุณ" (คำที่หายไปจากปากคนไทย)

วันนี้ผมมีโอกาสได้เดินทางไปตากอากาศ(และมลพิษ)ระหว่างทางไป-กลับพันธุ์ทิพย์อีกครั้ง

การเดินทางครั้งนี้ได้เห็นเรื่องที่ทำให้ยิ้ม และเรื่องที่ทำให้ต้องเก็บมาครุ่นคิดด้วยเช่นกัน

เหตุการณ์ที่ว่าก็คือ เมื่อตอนขากลับจากพันธุ์ทิพย์ผมขึ้นรถประจำทางปรับอากาศแบบยูโร (รถส้ม) ที่หนึ่งป้ายก่อนถึงป้ายที่ผมต้องลง มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง คงอยู่ในวัยราวๆ เด็ก ม.๓-ม.๔ เพราะเห็นพวกเด็กผู้ชายหัวยังเกรียนๆ กันอยู่ เด็กผู้ชายคนหนึ่งได้ที่นั่ง ... และเขาพึ่งหย่อนก้นลงนั่งได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีเด็กผู้หญิงวัยรุ่นน่าจะอายุไล่ๆ กันขึ้นมาบนรถ (คาดว่าพวกเขาคงมาเรียนพิเศษกันแถวนี้) เด็กวัยรุ่นชายคนนั้น จึงลุกให้สาวทึ่พึ่งขึ้นมานั่ง ผมหันไปมอง แล้วก็อมยิ้ม ... เพราะวัยรุ่นสาวคนนั้นหน้าตาน่ารัก ผิวขาว ส่วนวัยรุ่นชายที่ลุกให้นั่ง ก็ผิวขาว แต่หน้า...แดง...มาก... ผมเห็นหน้าเขาแดงตั้งแต่คางขึ้นไปจนถึงหน้าผากและใบหู .. นี่ถ้าหากโกนผมเขาออกให้หมด ก็อาจจะมองเห็นได้ว่า เลือดได้สูบฉีดอย่างแรงขึ้นไปเลี้ยงหัวเขาทั้งหัวเลยกระมัง (ลูกผู้ชายตัวจริง นิ่งๆ แต่จริงๆ ขี้อาย)

ส่วนเรื่องที่ทำให้เก็บมาครุ่นคิดคือเด็กสาวคนนั้นมิได้เอ่ยคำว่าขอบคุณ ... แต่ทำหน้างงๆ (หรืออาจจะเขิน)

ผมนำเรื่องนี้กลับมาคิดตลอดทางที่เดินจากป้ายรถเมลที่ผมลง จนกลับมาถึงร้าน ... ลองนึกๆ ย้อนไปหลายๆ ครั้งที่ผมลุกให้คนที่คิดว่าสมควรจะได้นั่ง (เด็ก สตรีมีครรภ์ คนชรา ผู้พิการ ฯลฯ) มีบ่อยครั้งที่ผมไม่ได้ยินเขากล่าวคำว่าขอบคุณ หรือบางครั้งที่เห็นคนอื่นๆ ลุกให้คนอื่นๆ ได้นั่ง ผมก็ไม่ค่อยได้ยินคำว่าขอบคุณจากผู้ที่ได้รับการเอื้อเฟื้อนั้นเลย ... ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรจนกระทั่งวันนี้

สิ่งที่ทำให้ผมคิดก็คือ ... มันเป็นหน้าที่หรือเปล่าที่เราจะต้องลุกให้คนอื่นนั่ง? บางทีเราก็ป่วย เราก็ไม่ได้แข็งแรงและต้องการที่นั่งเหมือนกัน แต่เราก็ยังลุกให้คนที่เราคิดว่าสมควรมีที่นั่งเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของเขา หรือเพื่อความสุขสบายของเขา ... เราทำเพื่ออะไร? ทำเพื่อความดี? ทำเพื่อรู้สึกว่าเราเป็นคนดี? เราทำเพื่อเสริมอัตตาของเราเองว่ากูเป็นคนดี?

เคยได้อ่านเรื่องขำขันเรื่องหนึ่ง ... นานมาแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นบนรถเมล์ มีชายคนหนึ่งลุกให้หญิงสาวที่พึ่งขึ้นมาใหม่ได้นั่ง แล้วเขาก็โน้มตัวลงไปถามหญิงสาวคนนั้นว่า

"ตะกี้คุณพูดว่าอะไรนะครับ?"
เธอสวนกลับมาว่า "เปล่า ชั้นไม่ได้พูดอะไรสักคำ"
"อ๋อ เหรอครับ .. ผมนึกว่าผมได้ยินคุณพูดคำว่า 'ขอบคุณ' เสียอีก"

สงสัยว่าคราวต่อๆ ไป อาจจะต้องนำมุขนี้ไปใช้บ้าง

Saturday, October 16, 2004

ไทยโกอินเตอร์ หรืออินเตอร์โกไทย?

เรดแฮท ตั้งไอซ์ โซลูชั่นรุกโอเพ่นซอร์สในไทย

Friday, October 15, 2004

มาร่วมอนุโมทนาบุญกัน

เมื่อวานไปบริจาคโลหิตมาครับ (บริจาคครั้งแรกของปีนี้ -_-") โดนหมอที่เจาะเลือดงอนใส่ด้วย ...

หมอเปิดบัตรบริจาคโลหิตขึ้นมาดู เห็นว่าครั้งสุดท้ายที่มาบริจาคคือเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว
"คราวนี้ตั้งใจมาบริจาคเหรอคะ?"
"ครับ พอดีเห็นมีประกาศว่าเลือดในคลังสำรองใกล้หมด และต้องการรับบริจาคด่วน"
"อ๋อ ถ้าไม่เห็นประกาศก็ไม่มาใช่ไหมคะ" (ทำเสียงงอน และค้อนใส่เล็กน้อย)
"เอ่อ ไม่ใช่ครับ พอดีคราวก่อนผมจะมาแล้วไม่สบายพอดี"
"แล้วนี่หายดีหรือยังคะ?"
"หายแล้วครับ แต่ที่ผ่านมานอนดึกบ่อยเลยไม่ได้มาบริจาค" (ทำหน้าเศร้าและเสียงสำนึกผิด -_-")

คราวนี้โดนเจาะเลือดสองแขนเลย เพราะเขาต้องการเกล็ดเลือดกรุ๊ปเอพอดี แต่พอไปเจาะตรวจดูแล้ว เกล็ดเลือดผมมีแค่แสนเจ็ด ให้ไม่ได้ มีพอแค่ของตัวเองใช้ ถ้าจะบริจาคเกล็ดเลือดได้ต้องมีถึงสองแสนห้า เลยต้องกลับมาบริจาคโลหิตธรรมดาไป

ตอนที่นอนบริจาคอยู่หมอแนะนำว่า ถ้าอยากให้เกล็ดเลือดเยอะต้องนอนหัวค่ำและนอนให้เพียงพอ ถ้ายังนอนดึกบ่อยๆ ก็คงมีเกล็ดเลือดได้ไม่เยอะ และนอนกลางวันก็ไม่เหมือนนอนกลางคืนด้วยนะ ร่างกายได้พักผ่อนไม่เหมือนกัน (เราได้แต่อมยิ้มแก้มตุ่ย เพราะนอนกลางวันประจำ แหะๆ)

แต่ในที่สุดก็ได้บริจาคโลหิตไปเรียบร้อย จึงมาบอก และเชิญร่วมอนุโมทนาบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำในครั้งนี้ด้วยเทอญ ...

(ป.ล. เครื่องชั่งน้ำหนักที่สภากาชาดท่าทางไม่น่าไว้ใจ ก็เราชั่งที่บ้านได้หกสิบแปดเอง พอไปชั่งที่โน้น ไหงกลายเป็นเจ็ดสิบจุดหนึ่งได้วะ ... ตอนเห็นตัวเลขขึ้นมา ถึงกับอึ้งไปหลายวิฯ)

Wednesday, October 13, 2004

ไซมอนขี่จักรยานได้แล้ว

ห่างหายไปนานเนื่องจากงอนเจ้า blogspot ที่ดื้อนัก ทำให้เราเหนื่อยหัวใจอยู่หลายรอบ บวกกับเกิดอาการบาดเจ็บด้วยโรคเอ็นข้อมืออักเสบ ทำให้พิมพ์ไม่ถนัด แต่ตอนนี้หายดีแล้ว :)

ช่วงที่ผ่านมามีเรื่องที่อยากเล่าให้ฟังอยู่เรื่องหนึ่ง คือ เช้าวันหนึ่งขณะที่ผมกำลังเดินมาเปิดร้าน เห็นเจ้าหนูไซมอนกำลังถีบจักรยานสองล้อสีเหลืองมอๆ มอมๆ คันเล็กๆ ที่มีล้อเสริมกันล้มอันจิ๋ว อยู่ข้างๆ ล้อหลังอีกสองอันบริเวณหน้าร้าน

คาดว่าจักรยานคันนี้คงเป็นสมบัติตกทอดกันมาของเด็กในละแวกนั้นจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง จนมาถึงไซมอน ไซมอนถีบบันไดจักรยานไปได้จนสุดตีนข้างหนึ่งแล้วก็ถีบต่อไม่ได้ อาจจะเป็นด้วยชุดเฟืองจาน-โซ่ มันไม่ช่วยผ่อนแรงเพราะเก่า หรืออาจจะเพราะไซมอนขาสั้น พอถีบไปได้ตีนนึงแล้วก็ถีบต่อไม่ได้เพราะขาไม่ถึง ไม่มีแรงช่วยยันให้ถีบต่อไปได้ แต่ไซมอนก็มีวิธีแก้ไข โดยการลุกขึ้นมาจากเบาะแล้วเดินถัดๆ พาจักรยานไปข้างหน้าหน่อยนึง เพื่อให้บันไดเลื่อนไปอยู่ในตำแหน่งที่ถีบต่อไปได้อีกครั้ง ผมจึงเห็นไซมอนนั่งถีบจักรยานจนสุดตีน แล้วก็ลุกขึ้นเดินถัดๆ จักรยานไปข้างหน้า แล้วก็นั่งลงถีบต่อ ระยะทางจากหน้าร้านแว่นมาถึงหน้าร้านผม ก็คงทำให้ไซมอนเหนื่อยพอดี และเป็นเวลานานพอที่ผมจะจัดการเปิดร้านจนเรียบร้อย แล้วมายืนตั้งหลักดูพฤติกรรมของไซมอนต่อไป ...

เมื่อไซมอนถีบๆ เดินๆ จักรยานจนมาถึงหน้าร้านผม ก็ลุกออกจากจักรยานคันดังกล่าว มายืนจังก้ากางขาอยู่ตรงประตูด้านนอก แล้วเอามือขวามาถูบริเวณพุงพร้อมทำเสียง ฉึก ฉึก .. จากนั้นก็วาดแขนซ้ายกับแขนขวาไปในทิศทางเดียวกัน และสลับไขว้ไปในอากาศสองสามครั้งและเปล่งอุทานว่า "แปลงร่าง !!!"

ผมยืนยิ้มดูเจ้าไซมอนแปลงร่างอยู่สองสามที แล้วไซมอนก็ลากจักรยานให้หันไปในทิศทางตรงข้ามกับที่ถีบมา จากนั้นก็กลับไปขึ้นจักรยาน ถีบๆ เดินๆ เหมือนเดิมไปทางหน้าร้านแว่น เมื่อถึงประตูหน้าร้านแว่น ไซมอนก็ลุกขึ้นยืนโดยที่ยังคร่อมจักรยานอยู่ แล้วหันหน้าไปทางกระจกหน้าร้านแว่น ก่อนเอามือสองข้างมารวมทรงผมข้างหน้าให้ตั้งๆ ขึ้นไป เหมือนทรงพังค์

แต่งผมหล่อเรียบร้อย ไซมอนก็นั่งลงไปบนเบาะจักรยานแล้วตะโกนเรียกแม่ให้มาช่วยลากรถ (ท่าทางไซมอนคนหล่อคงเหนื่อยจัดแล้วหล่ะ)

Monday, October 11, 2004

คติเตือนตนวันนี้

ข้อผิดพลาด เป็นบทเรียนให้เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง
ข้อผิดพลาด เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นในอนาคต
เพราะฉะนั้น จงอย่าหัวเสียเมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น

(ถ้ามันดีอยู่แล้ว อย่าเสือกไปขยับปลั๊ก เดี๋ยวเครื่องดับอีก -_-")

Saturday, October 09, 2004

ไม่เคยนึกว่าจะตัวเองจะติดนิยาย

แถมเป็นนิยายธรรมะซะด้วย