.comment-link {margin-left:.6em;}

Noi's life & thoughts

Tuesday, October 25, 2005

แมวยักษ์

จัดร้านใหม่ได้หลายวันแล้ว โดยย้ายเคาท์เตอร์เข้ามาข้างใน แล้วหันหน้าออกไปทางหน้าร้านแทน ทำให้มองเห็น "ขาวๆ object" ผ่านหน้าร้านไปมาได้ดีขึ้น :D

เช้านี้ (ที่จริงก็ตอนสายนั้นและ แต่ "เช้านี้" เสียงมันเพราะกว่า "สายนี้" แหะๆ) กำลังนั่งเหงาๆ อยู่คนเดียวในร้าน ท่องเว็บไปเรื่อยๆ ตามกิจวัตรประจำวัน แล้วอยู่ๆ ก็เหลือบไปเห็นเจ้าไซมอนใส่เสื้อยืดคอกลมสีเหลือง ปล่อยชายยาวทับกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเกือบมิด ตัวเสื้อสกรีนรูปการ์ตูนเป็นลายเต็มตัว (แต่ดูไม่ทันว่ารูปอะไร) มือซ้ายถือจานใส่อะไรสักอย่าง ส่วนมือขวาถือหน้ากากพลาสติกรูปหน้าแมวสีเหลืองไว้แนบกับใบหน้า เดินผ่านมาจนถึงประตูหน้าร้านแล้วหยุด พร้อมกับหันมาจังก้าเต็มตัว และร้องว่า "เมี๊ยว" ... ก่อนหันหนีเดินจากไป

อืม ... นับเป็นแมวเหลืองตัวยักษ์ที่สุด เท่าที่ผมเคยเจอมาเลยนะเนี่ย :D

Sunday, October 23, 2005

นอน

ช่วงนี้ปิดเทอมรายได้น้อย แถมค่าไฟก็กำลังขึ้น จึงดำเนินการประหยัดรายจ่าย ดังนี้
๑. ไม่มีลูกค้า ปิดแอร์ (ประหยัดไฟ) เพราะจากการสังเกตดูพบว่า กว่าจะมีลูกค้ามาอีกรอบ ก็ประมาณชั่วโมงนึง
๒. ปิดร้านเร็ว (ประหยัดไฟได้ด้วย)
๓. นอนเร็ว (ประหยัดไฟได้อีกแล้ว)
๔. ไม่ต้มน้ำชงกาแฟ (ประหยัดไฟอีกแล้ว เห็นมะ)

ผลของการไม่ดื่มกาแฟ (ไม่ได้ดื่มมาตั้งแต่กินเจ วันที่ ๒ ต.ค. ๔๘) เมื่อวานง่วงจัด เลยเข้านอนตั้งแต่เที่ยงคืน ซึ่งปกติจะนอนตอนหลังจากตีสองไปแล้ว (นั่นนะถือว่านอนเร็วแล้วนะ เพราะถ้าไม่ประหยัดไฟฟ้า จะนอนตอนประมาณตีสามกว่า)

เช้านี้ตื่นมาตอน ๘.๑๕ สดชื่นชะมัด แถมรู้สึกสมองปลอดโปร่ง โดยไม่ต้องพึ่งกาแฟ ก็ยังไม่รู้ว่าจะนอนและตื่นแบบนี้ได้จนเป็นนิสัยหรือเปล่า กะว่า ถ้าสามารถทำให้เป็นนิสัยได้ จะกลับไปบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมออีกครั้ง ...

ส่วนการมาเปิดร้าน วันนี้มาเปิดตอนเกือบเที่ยง เฮ้อ ... ตื่นเช้าแค่ไหน ก็มาเปิดสายอยู่ดี (นั่นแหละวะ ... แหะๆ)

Thursday, October 20, 2005

สถิติใหม่

คราวที่แล้วทำคะแนนเกมสแต็ก แอทแทค ไว้ที่ ๑๓๗๘

วันนี้มีสถิติใหม่แล้วครับ :D ... นั่นคือ ๒๐๑๒ เย้ เย้ เย้ ...

/me (อึจนหมดพุง)

Saturday, October 15, 2005

ดีจัง

ตามไปอ่าน URL นี้ จาก blog ของคุณ Poonlap ชอบมาก

ขอลอกสรุปไว้หน่อย เผื่อเว็บนั้นหายไป :P
1. Don't give the full solution. Instead, limit yourself to the half of the standard answer.
2. Try to explain the beginning in as many details as you can.
3. Give a general description of objectives that must be completed to solve the problem.
4. Try to encourage the user to check the manual or the Internet. I used a word "encourage" instead of "redirect". Keep that in mind, please.
5. If necessary, give some keywords (but not the search phrase!) or hints.

Friday, October 14, 2005

อารมณ์

หลังจากทนจมอยู่ในความโรแมนติคไม่ไหว จึงไปเข้าห้อง chat และระบายความในใจออกไปดังนี้

-_-" กำลังอินเลิฟ Full House อยากคุยกับคนหัวอกเดียวกัน
แปลกอะ แบบว่าดู Full House แล้วมันไม่เห็นมีความต้องการทางเพศเลยอะ
ไม่หื่น
แต่มีความรู้สึกเหมือนเมื่อตอนที่รักสาวคนแรกใหม่ๆ แบบที่รักจริงๆ น่ะ
ไม่หื่น ไม่เคยมีความคิดจะมี sex ด้วย
แต่ว่าอยากอยู่ใกล้ๆ
คิดถึงเขา ทรมานที่ไม่ได้เจอ :'(
ไม่มีความรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว ...
หื่นหดหาย

แล้วก็ได้คำจำกัดความของอารมณ์ตอนนี้มาว่า

"ระบบฮอร์โมนวัยเยาว์ ไม่อยากเอา แต่อยากอยู่ใกล้"

เอื้อเฟื้อคำจำกัดความโดยคุณ densin :D

Thursday, October 13, 2005

ถูกจู่โจม

หลังจากที่ดู Full House จบ มานั่งนึกๆ เรื่องต่างๆ แล้วขำๆ

ดูตอนแรกๆ ไม่ชอบเลย อาจจะเพราะไม่คุ้นกับเสียงพากย์ไทย แต่ดูมา ดูไป ติดใจแฮะ

หนังบ้าอะไรมีคำว่า "ห๊ะ" "เอ๊" เต็มไปหมด (แต่ก็น่ารักว่ะ)

เป็นหนังเกาหลีเรื่องแรกเลยมั๊งเนี่ยที่ไม่เห็น "บุหรี่" แม้แต่ตัวเดียว (แปลก แต่ก็รู้สึกดีใจ เพราะมันฉายในเมืองไทยด้วยไง ไม่อยากให้เยาวชนเห็นว่าการสูบบุหรี่เป็นเรื่องเท่)

เข้าใจความรู้สึกของ ตา ]d ที่ดูไปยี่สิบกว่ารอบ (ไม่รู้ตอนนี้กลายเป็นสามสิบกว่ารอบหรือมากกว่านั้นแล้วหรือยัง) เพราะเราเองก็ยังอยากดูอีกหลายๆ รอบ

ทำให้เรารู้สึกรักแฟนมากยิ่งขึ้น ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แต่สามารถสรุปได้เลยว่า พร้อมที่จะเลิกทำร้าน แม้ว่าร้านนี้จะเป็นสิ่งที่เรารัก แต่ต้องลองหาอย่างอื่นทำแทน เพื่อที่จะช่วยให้มีตังค์พอจะไปแต่งงาน และมีเวลาอยู่กับแฟนมากขึ้นกว่าเดิม เพราะตอนนี้รู้แล้วว่า แฟนเราสำคัญกว่าทุกสิ่ง เราอยากทำให้เธอมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

สรุปว่า หลังจากดู Full House แล้ว ผมถูกโรคโรแมนติคจู่โจมเข้าเต็มเปา ...

Wednesday, October 12, 2005

รกจัดชะมัดสุด

ยืมสำนวนน้องกวางกี้มาตั้งเป็นชื่อเรื่องวันนี้สักหน่อย ;)

เมื่อคืนตอนที่ลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกจากร้านไปแล้ว เราก็ดึงประตูเหล็กลงเพื่อที่จะปิดร้าน จะได้ดู Full House ที่คุณแม็คให้ยืมมาต่อให้จบ แต่จังหวะที่ดึงประตูเหล็กลงมาได้หน่อยนึง ก็มี "หนู" ตัวประมาณฝ่ามือตกลงมาตรงหน้า แล้ววิ่งจู๊ดเข้าไปในร้าน

ก็เลยเปิดประตูกระจกค้างไว้ แล้วคว้าเหล็กยาวๆ ที่ใช้ดึงประตู เดินตามหนูเข้าไปที่หลังร้าน แล้วเอาเหล็กแหย่ๆ ตามใต้โต๊ะ เจ้าหนูก็วิ่งจู๊ดไปตามใต้โต๊ะตัวต่างๆ แล้วไปหยุดตรงใต้โต๊ะที่วางเซิร์ฟเวอร์ เพราะมีสายแลนกองอยู่เต็มพื้นไปหมด เราก็แหย่อีก มันก็วิ่งไปหลังร้าน เราก็เดินไปแหย่ๆ ไล่มาจากหลังร้านอีกรอบ ทีนี้มันเงียบหายไป ก็เลยลองดึงโต๊ะคอมพิวเตอร์ออกมากองกลางร้านแล้วเดินดู ไม่เห็นเจ้าหนูตัวนั้นแล้ว ก็ดันโต๊ะคอมพิวเตอร์กลับเข้าที่แบบชั่วคราว ยังไม่เรียบร้อยดี ส่วนสัมภารกหลายๆ อย่างยังคงกองๆ อยู่บนเก้าอี้กลางร้าน

แต่สังหรณ์ใจว่ามันยังอยู่ในร้าน เพราะไม่เห็นตอนที่มันวิ่งออกไป ก็เลยอยากทำให้มั่นใจ จึงล๊อคประตูกระจก แล้วออกไปจับแมวตัวที่หลังเหวอะ ที่มักจะกลัวคน ไม่เคยยอมให้ใครจับนอกจากลุงเจ้าของบ้าน แต่เราเห็นว่า ระยะหลังๆ มามันไม่วิ่งหนีเราแล้ว คงจะเร่ิมคุ้นๆ กันแล้ว เลยไปอุ้มมันมาจากที่นอนบนไหคว่ำ กะว่าจะขังแมวไว้ในร้านให้ช่วยจับหนู แต่พอเดินมาเปิดประตูร้าน ไขกุญแจมีเสียงดังคลิ๊ก แมวตกใจดิ้นหลุดวงแขนเราไป พร้อมกับหันมาตะปบอากาศ แสดงแววตาไม่พอใจ และส่งเสียงขู่ จากนั้นก็วิ่งมุดเข้าไปใต้ท้องรถพี่โก้ ลูกชายเจ้าของบ้าน -_-" สงสัยว่ามันจะจำได้ว่าเคยโดนขังไว้ในร้านทีนึงเมื่อนานมาแล้ว (แหะๆ ... ก็ชอบแกล้งแมวไง)

จำต้องปล่อยแมวไป และไม่รู้ว่าจะเข้าหน้ากันติดหรือเปล่า แล้วต้องรออีกกี่ปี กว่ามันจะไม่กลัวเราอีกครั้ง

กลับเข้ามาในร้านลองรื้อเคาท์เตอร์ดู ไม่เจอหนูแล้ว นึกว่ามันคงวิ่งออกไปทางประตูเรียบร้อย ก็เลยดันเคาท์เตอร์กลับเข้าที่ ได้ยินเสียงจี๊ด แล้วเห็นเจ้าหนูตัวเดิมวิ่งกลับเข้าไปหลังร้านอีกแล้ว -"-

เอาวะ ต้องหาทางให้มันออกไปจากร้านให้ได้ เลยเอากล่องใส่กระดาษ aA กับกล่องใส่ Toner ของ Laser printer มาวางขวางทางเข้าเคาท์เตอร์ไว้ แล้วเอาเหล็กดึงประตูไปไล่หนูจากหลังร้านอีกครั้งเห็นมันวิ่งไปตามทางใต้โต๊ะต่างๆ แต่ไม่เห็นมันวิ่งออกนอกประตู ไม่ได้ยินเสียงมันวิ่งชนกล่องกระดาษ แต่เดินไล่อยู่หลายรอบก็ไม่เห็นมันอีก ได้แต่หวังว่ามันคงจะออกไปแล้ว (แต่ยังไม่มั่นใจอยู่ดีนั่นแหละ) -_-"

ดึกมากแล้ว อยากดู Full House ให้จบ เลยปิดไฟในร้านแล้วเริ่มดูหนังต่อ กะว่าจะคอยฟังเสียงหนูด้วยว่ายังอยู่หรือเปล่า มีตอนหนึ่งที่เห็นเงาสีดำวิ่งแว๊บๆ ผ่านไปทางหางตา ก็สงสัยว่าหนูยังคงอยู่ในร้าน หรือว่าเราจะตาฝาดกันแน่

เช้าขึ้นมา กลับบ้าน ไปยืมกรงดักหนูของคุณพ่อมาวางที่ร้าน แล้วแปะป้ายบอกลูกค้าว่า จะมาเปิดร้านตอนบ่ายๆ เพราะอยากให้หนู (ถ้ายังอยู่) เข้ามากินเหยื่อในกรง แล้วกลับบ้านไปนอน (เพราะดู Full House ทั้งคืน .. แหะๆ)

บ่ายสองกว่าๆ กลับมาเปิดร้าน ลุ้นระทึกว่าจะมีหนูอยู่ในกรงไหม ก็ปรากฏว่าไม่มี เดี๋ยวคืนนี้คงต้องดักดูใหม่อีกรอบ และคงต้องจัดระเบียบใต้เคาท์เตอร์อย่างจริงจังอีกสักครั้งด้วย เพราะว่ามันรกจัดชะมัดสุดจริงๆ ...

Tuesday, October 11, 2005

คำควรคิด

"ไม่มีทัศนคติของใครที่บูดเบี้ยว ถ้าจะมีก็มีของตัวเราเอง"

"ไม่คาดหวังอะไร ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ทำตอนนี้ให้ดีที่สุด เพราะมีแต่ปัจจุบันเท่านั้น"

(จากคุณ ]d เมื่อตอนที่แวะมาหาเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๔๘)

Sunday, October 09, 2005

น้องพี

น้องพีเป็นลูกชายคนที่สองของบ้านตรงข้าม ตอนนี้คงมีอายุราวๆ เกือบๆ สามขวบ

วันก่อนเรากินข้าวเสร็จก็ออกจากบ้านเพื่อมาเปิดร้าน เจอน้องพีกำลังเตะบอลพลาสติกลูกเล็กๆ อยู่บนถนนที่คั่นระหว่างบ้านของเราอยู่กับพ่อของน้องพี ก็เลยหยุดดูซะหน่อย มีจังหวะหนี่งที่น้องพีเตะลูกบอลมาทางเรา เราก็เลยแกล้งเก็บลูกบอลไว้ น้องพีเลยวิ่งเข้ามาหา แล้วแกล้งถามว่ามอเตอร์ไซค์คันที่วิ่งผ่านไปเมื่อกี้นี้สีอะไร

เราไม่ตอบ แต่จับน้องพีไว้ในอ้้อมแขนแล้วแกล้งถามว่า "ไปเที่ยวกันมั๊ย? เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวเขมร เอามั๊ย" สงสัยน้องพีจะจำได้ว่าไอ้หมอนี่ชอบถาม จะหลอกให้ไปเป็นขอทานที่เขมรบ่อยๆ ตั้งแต่น้องพียังเล็กๆ น้องพีจึงตอบว่า

"ไปไม่ได้หรอก เตะบอลอยู่"

"ไปเตะที่เขมรก็ได้ ไม่ได้ตัดขาซะหน่อย ตัดแขนออกอย่างเดียว"

"เดี๋ยวไม่มีที่กินไอติมน๊า" แล้วน้องพีก็สะบัดตัวหลุดวิ่งหนีจากไปพร้อมกับลูกบอล :D

Sunday, October 02, 2005

get sick of spamers

Hey you guy who are SPAMER MOTHER FUCKERS !!

I'm sick of your spam posts ... If you don't have better stuff to do, then go to fuck your dad's ass hole !!!

Holy shit and the hell to you, now bugger off ... son of a bitch !!!

สุขภาพดี

หลายปีที่ผ่านมา ผมมักจะป่วย เป็นหวัด ปวดหัว มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ก่อนเทศกาลกินเจประมาณ สามถึงสี่วัน และจะมาหายเอาช่วงกลางๆ เทศกาลกินเจ ... แต่ปีนี้มาแปลก คือตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมา ผมยังไม่ป่วยเลย มีป่วยตอนวันปีใหม่พอดี หนึ่งวัน พอขึ้นวันที่ ๒ มกราคม ก็หายป่วย จนถึงตอนนี้

และทำให้ผมยิ่งเข้าใจพุทธพจน์ที่ว่า "ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ"

ผมหวังว่าทุกท่านจะมีสุขภาพกายใจ แข็งแรง แจ่มใสดีกันถ้วนหน้านะครับ :)

Saturday, October 01, 2005

เงียบ

ขณะนี้เวลา ๑๔.๓๙ น. ของวันเสาร์ต้นเดือน ... วันหวยออก ... โรงเรียนปิดเทอม ... ไม่มีลูกค้าสักคน -_-" (น้ำตาหลั่งไหลเป็นสายน้ำ)

(คืนนี้ปิดร้านเร็วหนีไปเที่ยวบ้างดีกว่า) :D