.comment-link {margin-left:.6em;}

Noi's life & thoughts

Wednesday, November 30, 2005

จงอยู่เพื่อ

ระยะนี้ได้ข่าวคนฆ่าตัวตายบ่อยขึ้น ล่าสุดเมื่อวานนี้อ่านข่าวที่ manager.co.th ก็มีคนโหม่งโลกอีกหนึ่งคน

ช่วงเย็นวานอินเตอร์เน็ตมีปัญหา ก็เลยปิดร้านดูหนัง และคุยกับน้องเม้ง ที่เคยเปิดร้านเกมส์อยู่ละแวกเดียวกันมาก่อน แต่ตอนนี้น้องเขาไปขายประกันชีวิต พอดูหนังเรื่อง Swing Girls จบ (คุณแม็คให้ยืมมาเมื่อวันก่อน) ก็เลยอยากไปซื้อมาเก็บ เลยบอกน้องว่าเราจะไปห้างเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ที่เพิ่งมีคนโดดตึกลงมาตาย น้องเขาก็ตกใจว่าเฮ้ยจริงเหรอพี่ ก็เลยคุยกันเรื่องความคิดฆ่าตัวตาย

เราถามน้องเม้งว่าเคยคิดฆ่าตัวตายบ้างไหม น้องบอกว่า ก็เคยเหมือนกัน แต่ไม่ใช่คิดแบบจริงจัง เป็นการคิดเชิงประชดมากกว่า แล้วน้องก็ถามกลับว่าเราล่ะเคยคิดไหม เราก็ยอมรับว่าเคยเหมือนกัน และมักจะเป็นตอนที่รู้สึกว่าตัวเรานั้นไม่มีคุณค่าอะไร ไร้ค่า ทำประโยชน์อะไรให้คนรอบข้างหรือสังคมไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปเพื่ออะไร แต่หลังจากที่เราผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มากขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น ก็ไม่เคยคิดฆ่าตัวตายอีก เพราะเราเข้าใจแล้วว่า ทุกการกระทำของเรามีผลกระทบต่อบางสิ่งบางอย่างเสมอ ซึ่งมันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้บางสิ่งนั้นดีขึ้นก็ได้

แล้วก็ยกตัวอย่างสมัยที่เราไปสอบเข้าเรียนชั้น ม.๔ รอบสอง ที่โรงเรียนวัดราชบพิธ และตกสัมภาษณ์ เพราะเจออาจารย์ที่ถามคำถามยากๆ จนเราหมดความมั่นใจ คิดว่าตกสัมภาษณ์แน่ๆ เลยไม่ไปสอบข้อเขียน แต่ไปสอบเข้าโรงเรียนวัดสระเกศแทน

จากการที่ตกสัมภาษณ์ที่โรงเรียนวัดราชบพิธนั่นเอง เมื่อเข้าเรียนที่โรงเรียนวัดสระเกศได้แล้ว ทำให้เราเปลี่ยนกลายเป็นอีกคนหนึ่ง ตั้งใจเรียนมากขึ้น ใส่ใจกับการเรียนมากขึ้น และสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในที่สุด

บางทีเราอาจจะมีความสำคัญกับบางเหตุการณ์ เพียงแต่ว่าเวลาที่เราจะได้ทำประโยชน์นั้นยังมาไม่ถึง หากเราชิงฆ่าตัวตายไปเสียก่อน ก็คงไม่มีโอกาสได้ทำประโยชน์ให้กับใครอีกต่อไป

เราอาจจะเป็นผู้จุดประกายความคิด ความหวัง ความมุ่งมั่นให้กับใครบางคนที่รอเราอยู่ในอนาคต เราอาจจะเป็นผู้ให้กำเนิดอัจฉริยะบุคคลของโลก ผู้ช่วยเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดีขึ้น หรือเป็นผู้เปลี่ยนวิถีชีวิต ความคิดของผู้หลงผิดให้กลับเข้ามาสู่ครรลองที่ถูกต้อง

ขอเพียงให้เราจงมีชีวิตอยู่ อยู่เพื่อเรียนรู้ชีวิต และเพื่อทำประโยชน์ให้กับบางสิ่งที่กำลังรอเราอยู่ในอนาคต และใส่เจตนาดีเข้าไปในทุกๆ การกระทำของเรา เพราะการกระทำเล็กๆ ของเรา อาจเป็นจุดเปลี่ยนให้กับบางสิ่งดีๆ ที่ยิ่งใหญ่ต่อไป

Monday, November 28, 2005

เข้าใจผิด

ที่ร้านไม่มีทีวีดู แต่เมื่อคืน (๒๗ พ.ย.) อยากลุ้นแมนยูฯ เลยนั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ ติดตามผลการแข่งขันที่พันทิป จบเกมแมนยูฯ ชนะ เวสแฮม ก็มีอารมณ์เริงร่าจึงท่องเว็บต่ออีกหน่อย (อ่านความคิดเห็นต่างๆ เกี่ยวกับเกมนี้)

เสร็จแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าอยากไป surprise แฟนที่โรงพยาบาลตอนเช้าวันที่ ๒๘ เพราะเป็นวันครบรอบที่ได้บอกรักเธอครั้งแรก เลยกังวล กลัวตื่นไม่ทัน พอเข้านอนก็เลยหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน

เช้าตรู่ ตื่นแล้วรีบไปซื้อของขวัญเป็นตุ๊กตาหมาหนึ่งตัว จากนั้นก็ไปหาแฟนที่โรงพยาบาล กินข้าวเช้าด้วยกัน แล้วก็กลับมาเปิดร้าน

มาถึงร้านตอนสายๆ (ก่อนเข้าร้านรีบไปอึก่อน โทรมเลย) กลับเข้าร้านมาเริ่มทำความสะอาด ร้อนมาก เหงื่อตกซ่ก ...

มีลูกค้าสาวชาวต่างชาติเปิดประตูเข้ามาทัก บอกว่านึกว่ายังไม่เปิด เราเลยบอกว่า พอดีเมื่อเช้าแวะไปหาแฟนมาแต่เช้า เลยตื่นเร็ว แล้วพอเสร็จธุระก็เลยกลับมาเปิดร้าน เธอบอกว่าขอไปซื้อน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวมาใช้งาน เราก็ทำความสะอาดต่อไป เหงื่อตกซ่กต่อไป (เพราะยังไม่เปิดพัดลม/เครื่องปรับอากาศ ฝุ่นจะได้ไม่กระจาย)

พอลูกค้ากลับมาใช้งาน คงเห็นว่าเราโทรม เพราะนอนดึก (ลุ้นแมนยูฯ) นอนไม่เต็ม (กลัวตื่นไม่ทัน) และเหงื่อซ่ก (ทำงานไม่เปิดพัดลม/แอร์) เลยแนะนำว่า

"คุณควรกินพวกวิตามินหน่อยนะ เพราะว่าเพิ่งกลับจากไปหาแฟน แล้วต้องมาทำงานต่อ"

เราก็เลย "เฮ้ย ไม่ใช่อย่างนั้น ... แวะไปกินข้าวเช้าด้วยกันเฉยๆ" ...

Thursday, November 24, 2005

เสื่อมสมรรถภาพ

ช่วงนี้มีอะไรหลายๆ อย่างที่เริ่มเสื่อมสมรรถภาพของมันไปตามกาลเวลา ....

แบตเตอร์รี่โทรศัพท์เคลื่อนที่เสื่อมแล้ว หลังจากใช้งานมานานหลายปี (ซื้อต่อจากแฟนมาอีกต่างหาก) ตอนนี้ใช้คุยไม่ทันไร แบตฯ หมด

แบตเตอร์รี่นาฬิกา SEIKO KINETIC ก็เริ่มไม่เก็บประจุแล้วเหมือนกัน ถอดเสร็จก็เขย่าก่อนวาง จะใส่ก็หยิบมาเขย่าก่อนสวม แต่พอลืมเขย่าวันไหน รุ่งขึ้นมันก็นอนตายให้เห็นๆ

กำลังมองดูโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ อยากได้แบบถูกๆ ทนๆ ไม่ต้องมีอะไรมาก รับสายได้ โทรออกง่าย sms สบายใจ เท่านี้ (อ้อ ให้แบตฯ ใช้ได้นานๆ หน่อยก็ดี)

กำลังคิดว่าจะส่งนาฬิกาเข้าศูนย์เพื่อตรวจสภาพ และอาจจะต้องเปลี่ยนแบตฯ ใหม่ แต่ยังไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายจะประมาณสักเท่าไหร่

สำหรับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ยังคงแข็งแรงปึ๋งปั๋งดี ไม่มีเสื่อม ไม่ต้องเปลี่ยน :D

Wednesday, November 23, 2005

ตามเก็บความฝัน

ชีวิตที่ผ่านมา ผมได้ตามเก็บความฝันไปแล้วหลายอย่าง อยากเรียนมหาวิทยาลัยขอนแก่น, อยากบวช, อยากไปนิวซีแลนด์, อยากเปิดร้านเน็ต, อยากพิสูจน์ว่าทำร้านเน็ตด้วย Linux ก็อยู่ได้, อยากทำประกันชีวิต, อยากมีแฟนที่นิสัยดี น่ารัก และรักเรามากๆ คนเดียว ... อืม ที่จริงก็ยังเหลืออีกหลายอย่างเหมือนกันที่ยังตามเก็บมาไม่หมด

ผมอยากเป็นนักเขียน
อยากเป็นพ่อที่ดีของลูก
เป็นสามีที่น่ารักของภรรยา
ทำครอบครัวให้อบอุ่น
มีส่วนช่วยให้สังคมดีขึ้น
ทำพระนิพพานให้แจ้ง

อาจจะมีมากกว่านี้ แต่ตอนนี้นึกไม่ออก เลยเอาไอ้ที่นึกออกมาแปะๆ ไว้ก่อน ... บางทีผมอาจจะต้องจริงจังกับการไล่ตามเก็บความฝันมากขึ้นกว่านี้ ;)

Saturday, November 19, 2005

ท้องอืด

ปวดท้องจริง อึดอัดจัง มีลมวิ่งดังปุ๊ก ปุ๊ก ปุ๊ก ปุ๊ก อยู่เต็มท้องไปหมด -_-"

อย่างนี้ต้องหาทางแก้ ก่อนจะรู้สึกแย่

เข้าเซเว่นฯ ซื้อโค้กมาหนึ่งขวด

ไม่ได้เอามาตั้งอวด

ซื้อฮานามิมาด้วยหนึ่งห่อ

เอามาเป็นตัวช่วยล่อ

ให้เรอเอาลมออกมา

จะได้สบายกายา

กินไป ดื่มไปสักพัก

ลมก็เรอออกทางปาก

บางส่วนก็ปล่อยออกทางดาก

นั่งเงียบ เงียบ ไม่กระโตกกระตาก

ต้องการเพียงลมออกมา

ฉันก็สบายอุรา ... โอ้ลั่นล้า ... แฮ่ๆ :D

Friday, November 18, 2005

ฝนตก

ฝนเอยทำไมจึงตก ฝนเอยทำไมจึงตก
มันจำเป็นต้องตก เพราะว่ากบมันร้อง

กบเอยทำไมจึงร้อง กบเอยทำไมจึงร้อง
มันจำเป็นต้องร้อง เพราะว่าท้องมันปวด

ท้องเอยทำไมจึงปวด ท้องเอยทำไมจึงปวด
มันจำเป็นต้องปวด เพราะว่าข้าวมันดิบ

ข้าวเอยทำไมจึงดิบ ข้าวเอยทำไมจึงดิบ
มันจำเป็นต้องดิบ เพราะว่าไฟมันดับ

ไฟเอยทำไมจึงดับ ไฟเอยทำไมจึงดับ
มันจำเป็นต้องดับ เพราะว่าฟืนมันเปียก

ฟืนเอยทำไมจึงเปียก ฟืนเอยทำไมจึงเปียก
มันจำเป็นต้องเปียก เพราะว่าฝนมันตก

ฝนเอยทำไมจึงตก ฝนเอยทำไมจึงตก ...

(๑๘ พ.ย. ๔๘ เวลาเกือบๆ ๑๗ นาฬิกา ที่เสาชิงช้า ฝนตกหนักมาก ... เฮ้ย นี่มันฤดูหนาวแล้วนะเว้ยเฮ้ย ... เคือง)

Wednesday, November 16, 2005

ความสุขเล็กน้อยในชีวิต

วันก่อนเพิ่งได้ดูโฆษณา Cheers Beer ตอนที่จอดรถ เห็นแล้วขำ ซึ้ง ชอบ ระคนไปในเวลาเดียวกัน

วันนี้เช็คอีเมลตามปกติ และได้ทราบข่าวว่า "ห้องน้ำ" กลับมาแล้ว (แรกเริ่มเดิมที มันคือ "ผนังห้องน้ำ" แต่หลังๆ มาพวกเราเรียกมันว่า "ห้องน้ำ" หรือ "toilet" เฉยๆ)

ประวัติความเป็นมาของมัน ยังไม่เล่าดีกว่า แต่อยากบอกว่า วันนี้เป็นอีกวันที่ผมมีความสุขมาก แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยในชีวิต แต่มันช่างเติมความสุขเข้าไปในหัวใจผมได้อย่างเปี่ยมล้นทีเดียว :)

Monday, November 14, 2005

ทำได้แล้ว !!!

เล่น Neopets มา ๒๓ เดือน พยายามพิชิต Deckball ให้ได้ ๑๕ ประตูใน ๓ นาที วันนี้ทำได้แล้ว (โว้ย..!!!)

DeckBall300

/me ดีใจมั่กๆ

Sunday, November 13, 2005

โรแมนติค

แฟนไปร่วมงานแต่งงานเพื่อนเขาที่ต่างจังหวัดตั้งแต่วันศุกร์ เพิ่งกลับมาวันนี้แล้วแวะมาหาเราที่ร้านก่อน มาถึงร้านตอนฝนเริ่มตกนิดๆ แล้วก็บอกว่าหิว เราเลยออกไปหาซื้อของที่เขาอยากกินมาเอาใจ

จัดอาหารบนโต๊ะที่อยู่หน้าร้านเรียบร้อย ฝนก็ตกหนัก เราก็กินกันไปคุยกันไป มีจังหวะนึงเราเหม่อมองผ่านกระจกหน้าร้านออกไปดูสายฝน แล้วหันกลับมาจ้องตาแฟน ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า ...

"บรรยากาศดีเนอะ ข้างนอกฝนตก ในร้านมีเพลงแจ๊ชคลอเบาๆ พวกเรากำลังกินข้าวเหนียว ไก่ทอด ส้มตำ น้ำตก"

Tuesday, November 08, 2005

Shnia

ลูกค้าเก่าแก่ สาวชาวเยอรมัน หายหน้าหายตาไปปีกว่า คราวนี้กลับมาพร้อมลูกสาวตัวน้อยๆ อายุขวบนิดๆ นามว่า Shnia (ชไนย์อะ แต่แม่เธอบอกว่า คนเยอรมันเองมักจะออกเสียงผิดเป็น ชนียา) ถูกจับนั่งมาในรถเข็นด้วย

ที่จริงวันนี้ (๘ พ.ย.) เธอมาที่ร้านนับเป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกมาเมื่อสองสามวันก่อน ครั้งแรกไม่มีอะไรมาก เพราะใช้งานแค่ครึ่งชั่วโมง และเราโชว์ความสามารถของมือทั้งสองหลอกเด็กได้อยู่หมัด (เล่นจ๊ะเอ๋ กับสอนให้เดาะลิ้นด้วย ชอบใจใหญ่) แต่คราวนี้เธอใช้งานนานหน่อย เลยปล่อยลูก ลงมาเดิน เพราะไม่อย่างนั้น น้องจะร้องกรี๊ดๆ ตลอด (เราก็กำลังยุ่งด้วยไง หมุนไป หมุนมาอยู่แถวเคาท์เตอร์)

พอปล่อยน้อง Shnia ลงมาเท่านั้นแหละ เธอไม่หยุดเลย แรกๆ ก็รื้อกระเป๋าที่แขวนไว้หลังรถเข็นเธอ เอาสายต่อ USB ออกมา เอาจุกนมหลอกแบบมีสายยาวๆ ที่ตรงปลายอีกด้านมีกิ๊ปไว้เหน็บเสื้อออกมา เอายางรัดผมวงเล็กๆ สีสวยสดออกมา (เยอะเลย) แล้วก็เอายางเข้าปาก (สงสัยจะหิว แล้วสีมันก็น่ากินด้วยนะ) ดีที่แม่เธอเห็นก่อน เลยบอกให้เธอเอามันออกมาจากปาก (ยางรัดผมนี่มันไม่ขมเหมือนยางรัดของทั่วไปหรือไงนะ .. ไม่กล้าลองเอง ... แหะๆ)

จากนั้นเธอก็เดินไปทั่วร้าน หยิบโน่น คว้านี่ มุดเข้าใต้โต๊ะลูกค้า แล้วมาโผล่ออกใต้เก้าอี้ เล่นตุ๊กตาที่ห้อยอยู่กับเป้ของน้องนักเรียน เอานิ้วจิ้มเข้าไปในปลั๊กไฟ (ดีที่นิ้วใหญ่กว่ารูปลั๊กนะ) -_-"

เราเลยต้องรีบเข้าไปเล่นด้วย พับกระดาษเป็นรูปหัวหมู (ปากแหลมๆ ที่จริงมันคล้ายมดแดง วี.๖ มากกว่านะ) พับยังไม่ทันเสร็จ เธอก็คว้ากระดาษไปจากมือเรา แล้วทิ้งลงพื้น (ไม่กลัวเทศกิจปรับเรอะ) อะ ไม่เป็นไร เพราะเตรียมกระดาษไว้สองแผ่น ทิ้งไปแผ่นนึงก็เอาอีกแผ่นมาพับ เธอก็คว้าไปอีก เราก็หยิบแผ่นแรกที่เธอทิ้งไปขึ้นมาพับต่อ เล่นเอาล่อเอาเถิดอยู่สักพัก เธอก็หันไปหาอะไรที่น่าสนใจกว่า ...

คราวนี้เดินไปที่โต๊ะวางกาต้มน้ำ (ชั้นวางทีวี/วีดีโอนั่นแหละ เอามาดัดแปลงใช้) ดึงถุงพลาสติกลูกใหญ่ที่ใส่กาแฟซอง ชาซอง โอวัลตินซอง ที่เราเสียบไว้ตรงชั้นล่างออกมา โหยอมรับเลยว่าเธอแข็งแรงมาก เพราะถุงนั้นหนักเหมือนกันนะ เธอถือเดินไปเดินมา สักพักก็เปลี่ยนเป็นลากไปลากมา แล้วในที่สุดก็นั่งทับ -_-" (ของกินนะเฟร้ย)

ตานี้ถึงคราวเจ้าลูกหมี ตุ๊กตาตัวน้อยๆ แบบที่เขาเอาไว้ห้อยตรงหัวซิบกระเป๋าเป้ น้องลูกค้าทำหล่นไว้นานแล้ว (ไม่มาเอาคืนไปสักที สงสัยจะไม่เอาแล้ว) ตรงจุดที่ Shnia นั่งทับถุงใส่สารพัดเครื่องชงในซองนั้น อยู่ใกล้เคาท์เตอร์เรา ซึ่งเจ้าลูกหมีเคราะห์ร้ายก็ถูกวางกองรวมกับแผ่นดิสก์เก็ตและของต่างๆ ที่ลูกค้าลืมไว้ เป็นจุดรอคนมารับของกลับน่ะ ประมาณนั้น น้อง Shnia เห็นตุ๊กตาก็คว้าไปกำไว้ แล้วก็ทิ้งลงพื้น เราเลยเก็บขึ้นมาเล่นด้วย ทำหมีเต้น หมีร้องเพลง เธอก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก แล้วก็เลิกสนใจ หันไปคว้าแผ่นดิสก์เก็ตแทน -_-" โอยต้องหลอกล่อกันใหญ่ เพราะเธอเพิ่งทำแผ่นดิสก์เก็ตของหม่ามี๊ตัวเองเจ๊งไปแผ่นนึง -_-"

แล้วเธอก็ออกเดินอีกครั้ง จากหน้าร้าน เข้าไปหลังร้าน ไปหาแม่และรถเข็นของเธอ โดยไม่ลืมที่จะลากถุงไปด้วย แต่คราวนี้ข้าวของในถุงเริ่มตกหล่นไปตามทาง จึงช่วยให้เธอเบาแรงและเดินได้เร็วขึ้น พอเดินกลับไปถึงรถเข็น เธอก็รื้อของในกระเป๋าที่ห้อยอยู่ท้ายรถอีกครั้ง เลยเจอแม่เธอจับนั่งในรถแล้วล็อคไม่ให้เดินไปมา แรกๆ อาจจะเพราะ Shnia หิว เลยยอมนั่งดูดนมแต่โดยดี จนกระทั่งนมหมดขวด ... เติมพลังแล้วนี่ อยากออกมาซ่าอีกรอบใช่ม๊า ...

ครั้งนี้แม่เธอไม่ยอมปล่อยให้ออกมา เธอเลยกรี๊ดๆ เราก็ต้องระเห็จจากเคาท์เตอร์ไปเล่นกับน้องอีกครั้ง คราวนี้ได้ใช้ความสามารถของมือเหมือนวันก่อน แล้วเธอก็คว้านิ้วชี้เราเข้าปาก อะโด่เคยเลี้ยงหลานมาแล้ว รู้นะว่าจะกัดอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เราก็งอนิ้วแล้วไปยันไว้ตรงเหนือปาก ใต้จมูก เหลือแต่มือของเธอเองที่เข้าปากไป ฮ่า ฮ่า ฮ่า ... หลอกล่อกันอยู่สามสี่ที ทีนี้ไม่เอาแล้ว ร้องเรียกหาขวดนม ส่งเสียงว่า หม่ำ หม่ำ ... เราก็หยิบขวดนมเปล่าให้ เธอก็ส่ายหน้า (แน๊ รู้อีกว่าหมดแล้ว) หยิบขวดน้ำให้ เธอก็เอาไปดูด พอดูดเสร็จก็พยายามจะลุกออกจากรถเข็น ดันตัวขึ้นด้วยสองแขน แต่มันติดเข็มขัดล๊อคไว้ เธอจึงส่งเสียงร้องกรี๊ดอีก -_-" (สงสัยที่ดื่มน้ำเพราะเตรียมกรี๊ดนี่เอง)

เอาวะ ไม้ตาย ปูไต่ไปตามแขน หัวเราะใหญ่ สงสัยจะจั๊กจี๋ ปูเลยไต่จากแขนซ้ายอ้อมหลังไปแขนขวา Shnia พยายามจับปูด้วยนะ แต่คว้าไม่ทันร๊อก อิอิ :D

พอดีแม่เธอใช้งานเสร็จพอดี เลยเก็บข้าวของ แล้วพาน้อง Shnia ออกเดินทางอีกครั้ง ...

เวลาเกือบชั่วโมง รู้สึกว่าหมดพลังงานไปเยอะ .. เหมือนๆ จะผอมลงอีกสักสิบโลฯ ได้ -_-"

/me แต่ก็อยากมีลูกนะ ... เช้านี้ (๙ พ.ย.) ก่อนตื่นมา ฝันว่ามีลูกตั้ง ๘ คนแหน่ะ แต่ว่าเสียชีวิตไปคน เหลือเจ็ด แถมเกิดครบวันในหนึ่งอาทิตย์เลยอีกต่างหาก

Monday, November 07, 2005

ผีทำได้

Yahooooooooooooooooooooooooo!! ผีหยุดสถิติไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีกของเชลซีได้แล้ว :D สะใจจริงๆ สุดยอด สุดยอด ตามไปเชียร์ที่ pantip.com ตื่นเต้น เหงื่อแตก อยากดูเกมนี้กับตาตัวเอง

เย้ เย้ เย้ .......................... ผีทำได้ แต่แด๊ด แต่แด๊ด :D

Thursday, November 03, 2005

สถิตินรก

วันนี้ตั้งแต่เปิดร้านมาทั้งวัน มีลูกค้าไม่ถึงสิบคน -_-"

แต่ก็นับว่ายังดีกว่าของปีที่แล้ว ที่มีอยู่วันนึง จำไม่ได้แล้วว่ามีลูกค้ากี่คน แต่วันนั้นได้ตังค์ หนึ่งร้อยยี่สิบบาทไทยถ้วนๆ

เอาเว้ย ลียองเจ สู้ๆ สู้ตาย

Wednesday, November 02, 2005

Jazz Moment

กลับมาจากราชบุรีแล้ว (ไม่มีของมาฝากใครทั้งน้ัน เพราะของขึ้นชื่อของราชบุรี คือ "โอ่งมังกร" นะ ไม่แบกมาหรอก) :P

ไปราชบุรีหาเพื่อนสมัยมัธยมต้น ไม่ได้เจอกันหลายปี ขนพรรคพวกจากกรุงเทพไปกันสองคันรถ (รถละสองคน) :P

อยู่ราชบุรี คุยกันอย่างเดียว (คนอื่นๆ ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ต๋องกับเราดื่มแต่น้ำเปล่า ... คนอื่นสูบบุหรี่ แต่เอ็ดกับเราไม่สูบ) :P

คุยกันแหลก คุยกันทั้งคืนทั้งวัน ย้ายร้านกินสองสามที่ ก็ยังคุยกันไม่จบ คุยกันจนหลับ (แต่ที่จริงเราหลับก่อนคนอื่นๆ เพราะเหนื่อยมาหลายวันติดต่อกัน ส่วนต๋องขับรถของเล็กกลับกรุงเทพก่อนตั้งแต่ยังไม่สี่ทุ่ม) ตื่นมาก็คุยกันต่อ ... โคตรมีความสุขเลย :)

วันเดินทางกลับ (๓๐ ต.ค.) หลังจากซัดมื้อเช้ากันตอนเที่ยงแล้ว แย้ม (เพื่อนที่อยู่ราชบุรี ที่พวกเราเดินทางไปหา) ก็พาพวกเราไปนั่งดื่มกาแฟที่ร้าน Coffee 'n More เราเลยได้ดื่มกาแฟแก้วแรกหลังจากไม่ได้ดื่มมาตั้งแต่วันที่ ๒ ถ้าแต่ละคนไม่ติดว่าต้องรีบกลับมาทำธุระที่กรุงเทพ ก็อยากปล่อยเวลาให้เนิ่นนานอยู่ที่ร้านนั้นอย่างไม่มีวันจบ ... ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะมีโอกาสได้เจอเพื่อนๆ แบบวันนั้นอีก :)

วันนี้ (๒ พ.ย.) มีลูกค้าสาวมาใช้บริการที่ร้านหนึ่งคน และได้ยินว่าเรากำลังฟังเพลง Jazz อยู่ จึงแนะนำสถานีที่พี่ชายของเธอเป็น DJ อยู่ สามารถฟังผ่านอินเตอร์เน็ตได้เช่นกัน ที่ http://www.jazzmoment.com

ตอนแรกก็ฟังไม่ได้หรอก คาดว่าเป็นเพราะเขาใช้ ms object เลยเข้าไปแกะๆ html ตามรอยไปจนพบว่าสถานีอยู่ที่ mms://61.90.149.199/195/jazzmoment จึงเปิด xiterm ขึ้นมาแล้วสั่ง mplayer mms://61.90.149.199/195/jazzmoment

ฟัง Swiss Jazz มี DJ พูดภาษาเยอรมัน (ฟังไม่รู้เรื่อง) ลองฟัง Jazz Moment บ้างดีกว่า DJ พูดไทย (ฟังได้เข้าใจ) :D