.comment-link {margin-left:.6em;}

Noi's life & thoughts

Sunday, August 29, 2004

เหรียญทองจ๋า ... มาเที่ยวประเทศไทยกันเถอะ

เย้ ดีใจจนไม่รู้จะบรรยายยังไง เหรียญทองที่สามในโอลิมปิกเดียว ... ขออีกหลายๆ เหรียญนะ ..

ประเทศไทยจ๋า ฉันรักเธอ วู้ วู้ วู้ ...

Tuesday, August 24, 2004

กราบเรียนท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ไอซีที

http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9470000042282

ป.ล. ท่านน่าจะออกข่าวข่มไปเลยว่า ไทยหน่ะใช้ Linux SIS เพื่อเชื่อมโครงข่าย School Net มาตั้งนานแล้ว (ว่าแต่ท่านมีส่วนในการสนับสนุนบ้างหรือเปล่านะ ผมสงสัย)

Sunday, August 22, 2004

เย้ ไทยได้เหรียญทองเพิ่มอีกแล้ว ย๊าฮู้ ...

ช่วงนี้งานพิมพ์กำลังเยอะ เลยไม่ได้เข้ามาโพสอะไร ตอนนี้มีโอกาสเข้ามาแล้ว ก็ขออัพเดทข่าวโอลิมปิกหน่อย ...

ทีมนักกีฬาไทยได้หกเหรียญทอง จากนักกีฬาหญิงล้วนๆ เย้ ... (สองเหรียญทอง สองเหรียญทองแดง และอีกสองเหรียญทองแท้จากท่าน รัด-ทะ-มน-ตี ที่จะจัดทำให้ในโอกาสพิเศษ)

(หมายเหตุ : ตอนแรกว่าจะนับเป็นเจ็ดเหรียญทอง แต่ตกลงว่ากีฬาวิ่งราวเหรียญทองข้ามทวีป เขาไม่นับให้ใช่ไหมครับ แหะๆ -- จะหาเรื่องติดคุกเปล่าวะตู [สู้นะว้อย] หุหุ)

====
ช่วงนี้ต้องจับตาดู blog ของวันที่ ๑๓ สิงหาคม เป็นพิเศษ เพราะมันชอบหลบสี้หนีหน้าหายไป ต้องคอย ก๊อป แปะ ใหม่อยู่เรื่อยๆ ... หิว (อ้าวไม่เกี่ยวกัน)

Thursday, August 19, 2004

บันทึกสั้นๆ (เพราะว่ามีงานพิมพ์เยอะ)

เมื่อคืนวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๔๗ น้องเจี๊ยบ น้องสาวที่ผมรักที่สุด (ไปขอลูกอาจารย์ประจำชั้นมาเป็นน้องตั้งแต่ผมเรียนอยู่ ม.ปลาย) ได้ตำแหน่ง มิสหวานใจ (หรือมิสขวัญใจอะไรนี่แหละ) ในรายการสมาคมชมดาว ผมคงมีโอกาสได้ติดต่อกับเธอน้อยลง เพราะเธอบอกไว้ในรายการว่า จะเก็บตัวเข้าประกวด Miss Universe ต่อไป :D

Wednesday, August 18, 2004

เย้ ในที่สุด mplayer ก็เล่น Windows Media 9 ได้แล้ว

หลังจากที่ไปดาวน์โหลด essential codecs package จาก http://www.mplayerhq.hu/homepage/design7/dload.html มาใส่เพิ่มเข้าไปใน /usr/lib/win32/ แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถเล่นไฟล์ที่เป็น Windows Media 9 ได้ (บน LinuxTLE 5.5) คือ เมื่อใช้ mplayer เปิดไฟล์นั้นๆ แล้วโปรแกรมจะปิดตัวลงไป

บ่ายวันนี้เองก็ได้คำแนะนำจาก อ.kitty_in_th ว่าให้ไปอ่านวิธีแก้ไขที่ http://mplayerhq.hu/DOCS/HTML/en/faq.html#id2894874

สรุปคร่าวๆ เป็นภาษาไทยว่า
๑. ให้เข้าไปแก้ไขไฟล์ที่ /etc/sysconfig/prelink ตรงบรรทัดที่มีคำว่า
PRELINK_OPTS=-mR
ไปเป็น
PRELINK_OPTS="-mR --no-exec-shield" (ตรงนี้มีการแก้ไขนิดหน่อย เพราะเมื่อวานดูไม่ละเอียด ขออภัยมา ณ ที่นี้ -- ๑๙ สิงหาคม ๔๗ [๒๒:๑๖])

๒. จากนั้นให้สร้างไฟล์ prelink.force ขึ้นมาหนึ่งไฟล์ ที่ตำแหน่ง /var/lib/misc/ ด้วยคำสั่ง
touch /var/lib/misc/prelink.force

๓. ใช้คำสั่ง
/etc/cron.daily/prelink
ขั้นตอนนี้อาจจะต้องรอสักพัก จึงจะเสร็จ

๔. ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว สั่ง
execstack -s /usr/bin/mplayer
เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็สามารถใช้ mplayer บน LinuxTLE 5.5 ดูไฟล์ที่เป็น .wmv (code 9) ได้เลยครับ เย้ ... สู้ว้อย

Tuesday, August 17, 2004

เทคนิค อยู่อย่างนี้ ชีวีมีสุข

ทุกคนต่างก็แสวงหาความสุขให้กับชีวิตของตนกันทั้งนั้น แต่ความสุขของแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกันไป ... เทคนิค "อยู่อย่างนี้ ชีวีมีสุข" ที่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้ เป็นหลักกว้างๆ ไม่กี่ข้อที่คิดว่าทำกันได้ทุกคน

๑. หาให้เจอว่าชีวิตต้องการอะไร ความสุขของเราคืออะไรกันแน่
บางคนมีเงินเยอะ แล้วมีความสุข บางคนได้ทำงานบางอย่างแล้วมีความสุข บางคนได้เจอผู้คนเยอะๆ แล้วมีความสุข ความสุขของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน ขั้นแรกค้นหามันให้เจอก่อน ว่าตัวเราต้องการอะไร อะไรคือความสุขของเรา

๒. อย่าคาดหวังความสมบูรณ์แบบ
ภาษาฝรั่งเขาว่าไว้ว่า nobody is perfect เช่นเดียวกัน หากชีวิตเราไปมัวแต่ต้องการความสมบูรณ์แบบ ก็จะไม่มีความสุข เพราะความสมบูรณ์แบบมันเกิดขึ้นได้ยากมาก ลองทำตามเพลง live and learn ดูบ้างนะ .. "อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่หวัง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด"

๓. ทางสายกลางนั่นแหละดีที่สุด
บางคนค้นเจอความสุขของตัวเองแล้ว และก็เฝ้าเพียรเสพแต่ความสุขของตนนั้น ซึ่งบางครั้งมันก็อาจจะทำร้ายเราเข้าได้ เช่น บางคนมีความสุขที่ได้กิน แต่ถ้ากินมากไปก็จะเกิดโทษ จึงแนะนำให้เดินทางสายกลางไว้ดีที่สุด

สามข้อข้างต้นนั้นเป็นเพียงหลักกว้างๆ สำหรับผู้ที่ต้องการจะมีความสุขอยู่ในโลก แต่ถ้าใครแสวงหาความสุขอย่างแท้จริงแล้ว นิพพาน เป็นคำตอบสุดท้าย และเป็นคำตอบที่ดีที่สุด (แต่มันก็ไม่ใช่ว่าทำได้ง่ายๆ กันทุกคน)

ขอให้ทุกท่านโชคดี มีความสุขกับชีวิตกันโดยถ้วนหน้านะครับ ;)

Monday, August 16, 2004

น้ำตาเล็ด น้ำตาไหล เหรียญทองหญิงเหรียญแรกของไทย

ขนาดแค่เริ่มต้นจะพิมพ์ น้ำตาก็จะไหลอีกแล้ว ... ดีใจ ตื้นตันใจ เพราะผมเฝ้ารอวันอย่างนี้มาตั้งแต่เป็นเด็ก รอวันที่พวกเราจะได้ครอบครองเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิก ...

เมื่อครั้งที่คุณสมรักษ์ คำสิงห์ ขึ้นชกมวยสากลในกีฬาโอลิมปิก และคว้าเหรียญทองเหรียญแรกให้กับชาวไทยได้ ผมดีใจ แต่ว่าต้องรักษากิริยา เก็บอาการ เนื่องจากตอนนั้นกำลังอยู่ในเพศบรรพชิต แล้วหลังจากนั้น ผมก็เฝ้ารอเหรียญทองทางฝั่งนักกีฬาหญิงบ้าง แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา คุณอุดมพร พลศํกดิ์ ก็ทำให้สิ่งที่ผมรอคอยบรรลุผล ... นอกจากเหรียญทองหญิงเหรียญแรกของไทยแล้ว เธอยังมีของแถมให้อีก นั่นคือ สถิติใหม่ในการยกน้ำหนัก เป็นของชาติไทย เย้ .. สู้โว้ย ... (น้ำตาจะไหลอีกแล้ว ... ดีจัง ไม่ต้องหยอดน้ำตาเทียม)

เป็นแรงใจให้กับนักกีฬา และทีมงานทุกคน ขอบคุณที่พวกคุณไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนให้ชาวไทย ขอให้ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุด และขอให้ทำให้ดีกว่าคนอื่นๆ โชคดีครับ :)

====
เมื่อวานชั่งน้ำหนัก ลดไปหนึ่งกิโลกรัม :D ก็เลยมีฉลองนิดหน่อย สั่งนารายณ์พิซซาเรีย มากินกับแฟน (ได้เจอเบอร์สั่งนารายณ์พิซซาเรียสักที นี่เลย ๐๒ ๖๗๘ ๐๕๕๕)

เมื่อเช้าว่าจะไม่ จะไม่แล้วเชียว .. อดไม่ได้ ไปลองชั่งน้ำหนักดูอีกที .. ขึ้นมาครึ่งกิโลฯ :( (ไม่น่าชั่งเลย จะได้ไม่ต้องมานั่งเศร้า)

====
เอา URLs มาแปะซะหน่อย เอาไว้เข้าไปฟังวิทยุออนไลน์ ด้วย realplayer

http://www.geocities.com/Heartland/Acres/2667/radio.html [วิทยุไอร์แลนด์]
http://www.radiojackie.com/listennowmain.htm [มีข่าวเยอะดี]
http://www.bbc.co.uk/radio/ [วิทยุ BBC อังกฤษ ฟังสำเนียงอังกฤษชัดๆ ที่นี่]
http://www.radiofeeds.co.uk/ [รวม links วิทยุอังกฤษ]
http://radio.real.com/tuner/?type=results&searchtype=radiogenre&genre=Jazz&cache=1 [หน้าค้นหาสถานี Jazz ของ real guide]
http://www.vtuner.com/vtunerweb/ram/5522.ram [อันนี้เป็นสถานี Jazz ที่กำลังฟังอยู่ ชื่อ SunSet Jazz]

ทีวีก็มีนะ
http://wwitv.com/ns3.htm

เน็ตเร็วและแรงก็ดีอย่างนี้แหละ :D

====
ตอนจะเดินมาเปิดร้าน ผ่านเข้าไปซอยย่อย เล็กๆ ข้างตลาด สมัยเด็ก เรียกซอยหรือตรอกนี้กันว่า ตรอกโรงน้ำปลา เพราะมีโรงงานหรือไม่ก็ร้านขายส่งน้ำปลาอยู่ในนั้น และจะส่งกลิ่นน้ำปลาออกมาอย่างซื่อสัตย์ตลอดเวลา (แต่หลังๆ ไม่รู้ว่าชินกับกลิ่นหรือเปล่า ถึงไม่ค่อยจะได้กลิ่นเท่าไหร่แล้ว)

ขณะที่เดินผ่านตรอกโรงน้ำปลา เห็นผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่ง ห้อมล้อมเด็กน้อย อายุประมาณขวบกว่าๆ กำลังช่างเจรจา ถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของหญิงคนหนึ่ง และผู้ใหญ่กลุ่มนั้นก็พากันชื่นชม แสดงความรักต่อเด็กน้อยคนนั้น ... ผมเกิดความรู้สึกดีๆ ในหัวใจ

เดินต่อมาได้อีกหน่อย ก็คิดถึงเรื่อง โลก สังคม ทรัพยากร ฯลฯ ... ในขณะที่พวกเรากำลังใช้ทรัพยากรเหล่านี้ กำลังแกล้งโลกของเราอยู่อย่างนี้ กำลังอาศัยอยู่ในสังคมที่น่าหวาดหวั่น ที่ต้องคอยระวังเนื้อระวังตัว (จนบางครั้งถึงขั้นระแวง) พวกเราเคยคิดถึงพวกคนรุ่นหลังๆ ที่จะเกิดตามมา โตตามพวกเรามาบ้างหรือเปล่า และเราได้ทำอะไรให้พวกเขาบ้างไหมเอ่ย เราได้ช่วยกันดูแลรักษาสิ่งต่างๆ ให้กับคนที่กำลังตามพวกเรามากันบ้างหรือเปล่านะ

ผมยังคงมีความหวังอยู่ในใจว่า ... พวกเราจะช่วยกันแก้ไข และทำให้สังคมดีขึ้นกว่าเดิมได้ ... และคงจะดีไม่น้อย ถ้าผมยังคงมีชีวิตอยู่ได้ดู ได้เห็น สังคมแบบที่ผมหวังไว้

Sunday, August 15, 2004

(แค่ว่าจะ)ให้ทุกข์แก่แมว

ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว

แมวเป็นเณรน้อย แกล้งแมวก็บาปเหมือนแกล้งเณร

ผมได้ยินผู้ใหญ่บอกเล่าสองประโยคข้างบนมาตั้งแต่เด็ก เพราะคนแถวบ้านผมจะชอบแมวกันมาก ตัวผมเองก็ชอบแมว ยิ่งคุณปู่กับคุณพ่อผมยิ่งรักแมวมาก (ผมไม่เคยเจอคุณปู่ แต่คุณพ่อมักจะเล่าให้ฟังถึงความรักที่คุณปู่มีต่อแมว ขนาดว่าห้ามใช้เท้าเล่นกับแมวเด็ดขาด)

ผมอาจจะรักแมวไม่มาก คือชอบเล่นกับพวกมันมากกว่า ชอบหยอก ชอบแกล้ง พอให้ยิ้มให้หัวเราะ ..

ตรงบริเวณทางเดินไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่หลังร้านของผม (คือห้องน้ำอยู่นอกร้าน ต้องเดินออกจากร้านเพื่อไปเข้าห้องน้ำอีกที) นั้นจะมีแมวอาศัยพึ่งใบบุญคุณลุงกับคุณป้าเจ้าของบ้านอยู่หลายตัว มีแม่แมวที่มีแผล (เป็นทางยาว) กลางหลังอยู่ตัวหนึ่งมีนิสัยกลัวคนมาก นอกจากคุณลุงแล้ว ไม่มีใครมีโอกาสได้จับตัวมันเลย เพราะมันจะคอยระวังตัวแจ และในซอยเล็กๆ นี้ก็เป็นที่จอดรถยนต์ของลูกชายคุณลุงกับคุณป้าด้วยเช่นกัน บรรดาเหมียวชอบมานอนกันที่ใต้ท้องรถคันนี้ แถมบางทีก็มานอนขวางตรงทางเดินแคบๆ ระหว่างรั้วไม้ระแนง กับรถคันนี้ด้วย

คุณลุงเคยเล่าให้ผมฟังว่า แม่แมวตัวนี้เป็นแมวขโมย วันหนึ่งมันเข้าไปขโมยปลาชาวบ้าน แล้วถูกเขาเอามีดอีโต้ฟันมา คุณลุงสงสารมัน ก็เลี้ยงและช่วยรักษามันมาเรื่อยๆ

เมื่อตอนที่ผมมาอยู่ร้านนี้ใหม่ๆ แม่แมวตัวนี้ก็ไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้เหมือนกัน แต่พออยู่ไปนานๆ เข้า มันคงชักจะชิน หรือไม่ก็แก่และอ้วนจนขี้เกียจลุกขึ้นวิ่งหนีบ่อยๆ บางทีมันจึงนอนขวางทางอยู่อย่างนั้น ให้ผมเดินข้ามผ่านไปเข้าห้องน้ำตามสบาย

นิสัยเสียอย่างหนึ่งคือผมชอบแกล้ง ชอบหยอกแมวอย่างที่บอกไปแล้ว ... เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยคิดจะแกล้งแม่แมวตัวนี้ เพราะสงสาร และไม่อยากให้มันกลัวผม แต่เมื่อมันเริ่มชินตัวผม ไม่ค่อยยอมลุกหนี ผมก็มักจะเอามือที่เปียกหลังออกมาจากห้องน้ำดีดน้ำใส่มัน พอให้มันตกใจนิดหน่อย (หน้าตาแมวตอนตกใจจะตลกดี)

คืนที่ผ่านมา ผมเข้าห้องน้ำแล้วเดินออกมา เห็นแม่แมวตัวนั้น นอนอยู่ใต้ท้องรถยนต์ตรงทางเดิน อย่างที่มันทำอยู่เป็นประจำ ผมก็กำลังคิดว่าจะแกล้งเดินผ่านแล้วดีดน้ำไปใส่หน้ามันเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม

รองเท้าฟองน้ำที่ผมใส่อยู่ เปียกน้ำ และคงเพราะความเก่าของมัน ทำให้ลื่นกว่าเดิม แล้วจังหวะที่ผมกำลังจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินผ่านแล้วดีดน้ำใส่แมว ผมก็เกิดก้าวพลาดเพราะรองเท้าลื่น ทำให้ข้อเท้าขวาพลิก ล้มลงไปทั้งตัว ได้ยินเสียงดัง กร๊อบ เต็มสองแก้วหู แถมด้วยหัวแม่โป้งซ้ายที่เป็นเล็บขบ จิกลงไปบนพื้นซีเมนต์ หน้าผมคว่ำลง แต่โชคดีที่เอามือทั้งสองข้างยันพื้นไว้ได้ ..

สิ่งที่ตามมาก็คือ จังหวะที่ผมล้มลงนั้น หน้าผมก็พุ่งเข้าไปทางที่แม่แมวตัวนั้นนอนอยู่อย่างรวดเร็ว .. แม่แมวตกใจมาก กระโดดตัวลอยถอยไปข้างหลัง แล้วก็ต้องกระโดดตัวลอยอีกทีเพราะมันไปชนล้อรถ .. ชั่วเวลาแป๊บเดียวที่มันตั้งหลักได้ มันก็วิ่งโกยแนบผ่านหน้าผมไป

ส่วนผม พอกลับเข้าร้านแล้ว เดินแทบไม่ได้ ต้องรีบทายา นวด และเอาผ้าพันไว้ พร้อมกับปวดเมื่อยไปทั้งตัว

นี่ขนาดว่าแค่คิดจะแกล้งแมวเฉยๆ นะเนี่ยะ .. (หรือว่าผลกรรมที่แกล้งไว้วันก่อนๆ มันย้อนมาถึงตัวเอาคืนนั้นเอง)

ข้อพึงสังเกตอีกประการหนึ่ง คือ ที่แมวมันวิ่งหนีเป็นเพราะมันตกใจกลัว ไม่ใช่เพราะว่าผมมีหน้าตาอันน่ากลัว .. (ก็ผมหน่ะ น่ารักออก จริงๆ นะ)

Saturday, August 14, 2004

เจอเรื่องตื่นเต้น หายง่วงเลย

เมื่อตะกี้นี้เอง (เที่ยงนิดๆ) กำลังง่วง เลยเดินไปต้มน้ำชงกาแฟ ... แล้วกลับมาที่โต๊ะ นั่งอ่าน blogs ของคนโน้น คนนี้ไปเรื่อยๆ เจอ blog ภาษาไทยของคุณ vee ก็เลยเข้ามาเปลี่ยน link ที่ blog ของเรา จากนั้นก็กด replublish แล้วก็เจอเรื่องตื่นเต้น ...

ปรากฏว่า blog ที่เรา post ไว้เมื่อวาน (ตั้งยาว) หายไป .. ตกใจมาก ตาสว่างทันที นึกว่าจะได้เลิก blog จริงๆ ละมั๊งทีนี้ นึกไป นึกมา ลองใช้ google หาดูว่าจะเจอไหม เผื่อว่ามันไปอยู่ใน cache ของ google จะได้ไป copy มาแปะใหม่ .. แต่ก็ไม่เจอ

แล้วเอะใจอย่างไรไม่รู้ ลองพิมพ์ตรงๆ ลงที่ช่อง address bar เลยว่า http://noistuff.blogspot.com/2004/08/blog-post_13.html ก็เจอแฮะ .. เลยลอกมาแปะใหม่

กาฟงกาแฟ ไม่ทันได้กินตาสว่างเพราะความตกใจซะก่อน ... เลยยังคงมี blog มาให้อ่านกันอยู่นะจ๊ะ :)

Thursday, August 12, 2004

สุขสันต์วันแม่ (เกือบปากแตก)

ตื่นเกือบเช้า ออกไปซื้อพวงมาลัยสวยๆ มาคุกเข่าลงกราบคุณแม่ที่เท้า แล้วกอดพุงท่าน (แอบนอนต่อนิดนึง) คุณแม่ก็ให้พร (ลูกก็แอบนอน) จับใจความได้ว่า อย่าปากหมานะลูก (แต่แม่พูดเพราะกว่านี้เยอะ)

มีปีใหม่อยู่ปีหนึ่ง เพื่อนส่ง ส.ค.ส มาให้ บอกว่า "ปีใหม่ ขอให้มีปากใหม่ ไม่หมา" ... อืม ทำไมคนชอบอวยพรคล้ายๆ กันนะ ...

====
วัยรุ่นเซ็ง ...

ข่าวดีคือ วัยรุ่นรู้แล้วว่าอาการเครื่องค้างบ่อยๆ มีสาเหตุมาจากขาล็อคพัดลมซีพียูหักไปข้างนึง ทำให้มันระบายความร้อนได้ไม่ดี เครื่องจึงค้างบ่อยๆ (นี่ขนาด intel นะ ถ้าเป็น amd สงสัยจะทำงานแทบไม่ได้)

ข่าวร้ายคือ วัยรุ่นถอดพัดลมซีพียูออกมาทำความสะอาด เปลี่ยนขาล็อค (ยืมเครื่องอื่นมาก่อน กะว่าเช้าจะไปซื้อตัวใหม่มาใส่คืนให้) แล้ววัยรุ่นดันเปิดเครื่องโดยที่ไม่ได้ใส่พัดลมซีพียู ... ปรากฏว่า ควันขึ้น และคอมพิวเตอร์ตายในหน้าที่

เช้าวันนี้หลังจากเอาพวงมาลัยไปกราบคุณแม่ (และแอบหลับคาพุงคุณแม่แป๊บนึง) แล้ววัยรุ่นจึงต้องยกคอมพิวเตอร์ไปทั้ง case เพื่อให้เขาตรวจสอบดูว่า มีอุปกรณ์ตัวไหนไหม้ไปด้วยบ้าง ...

ข้อดีของการยกคอมพิวเตอร์ไปทั้งเคส
๑. ให้เขาตรวจได้ทุกชิ้นว่าอันไหนยังใช้ได้ อันไหนเสียชีวิต
๒. กันน้ำได้ระดับหนึ่ง
๓. บังพุงมิดเลย เวลาวัยรุ่นเจอสาวๆ น่ารัก ก็ไม่ต้องรีบแขม่วพุง

ข้อไม่ดีของการยกไปทั้งเคส
๑. หนักมาก (ต้องขึ้นแท็กซี่ ไป-กลับ ค่ารถร้อยยี่สิบบาท)
๒. ทุลักทุเลพอสมควร (ยิ่งตอนปวดอึ แล้วต้องอุ้มของหนักด้วย .. วัยรุ่นหน้าซีดทำอะไรไม่ถูกจริงๆ)
๓. เจอค่าตรวจสอบ (ยังไม่ซ่อม) สามร้อยบาท -_-' (แต่ร้านนี้เก่งมากนะ วัยรุ่นเป็นขาประจำ ... ทำเรื่องโง่ๆ แล้วต้องยกมาให้เขาซ่อมให้ประจำ)
๔. เวลารถแท็กซี่เบรก หรือกระแทก สันเคสที่อยู่ตรงระดับปาก ก็จะฟาดเข้ามาด้วย ... (ตัวใครตัวมัน ระวังให้ดีละกัน)

แต่วันนี้ที่ปากวัยรุ่นเกือบแตกเกิดจากตอนมุดเข้าแท็กซี่ แล้วเสียหลัก เจอเคสฟาดเข้ามาเต็มๆ .. น้ำตาเล็ด แต่วัยรุ่นทำฟอร์มไม่รู้ไม่ชี้ ...

ฮึ ... วัยรุ่นเซ็ง (แต่ยังเก็กไม่เจ็บมาตลอดทาง)

Wednesday, August 11, 2004

มือซ้าย มือขวา มือที่ถนัดในแต่ละสถานการณ์

ผมเป็นคนถนัดขวา เขียนหนังสือด้วยมือขวา แต่ก็มีงานหลายๆ อย่างที่ผมเลือกใช้มือซ้ายทำแทน เพราะสมัยเด็กกลัวว่าแขนจะโตข้างเดียว

ผมมักจะเลือกใช้มือขวาทำงานที่คิดว่าพลาดไม่ได้ ต้องมีความละเอียด เพราะผมสามารถควบคุมมันได้ดีกว่า ส่วนมือซ้ายเอาไว้ทำงานที่ไม่ต้องมีความละเอียดนัก

คร่าวๆ งานที่ทำด้วยมือขวา ได้แก่ เขียนหนังสือ จับมีด จับช้อน จับมือทักทาย แคะจมูกและหูข้างขวา และเกามือซ้าย เป็นต้น

ส่วนงานที่ทำด้วยมือซ้าย ได้แก่
จับตะเกียบ (จะได้ถือช้อนมือขวา น้ำแกงไม่หก)
ถือของหนัก (มือขวาจะได้ว่างหากต้องใช้ทำอย่างอื่นได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเมื่อยก็เปลี่ยนมือชั่วคราว)
จับโทรศัพท์ (มือขวาจะได้เขียนหนังสือได้)
จับคอร์ดกีต้าร์ (C, G7, Am, Dm แค่นี้ก็เล่นได้หลายเพลงแล้ว แหะๆ)
แคะจมูกและหูข้างซ้าย (เคยลองแคะจมูกกับหูข้างขวาแล้ว ไม่ถนัด)
เกามือขวา
ล้างก้น เป็นต้น

====
เคยเจอสามีของน้องสาวของพี่เขยชาวนิวซีแลนด์ของผมถามว่า
ยูใข้มือไหนจับมีด (ขวาดิ)
ยูใช้มือไหนจับส้อม (ซ้ายดิ)
ยูใช้มือไหนเขียนหนังสือ (ขวาดิ)
ยูใช้มือไหนเช็ดก้น (ซ้ายดิ)
อ้าวเหรอ .. ไอใช้กระดาษชำระหว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า .. (อ้าวโดนฝรั่งหลอกนี่หว่าตู)

Monday, August 09, 2004

ตาซ้าย ไม่แฟนฉัน (โฟกัส)

เอามุขแฟนฉันมาเล่น จะเก่าไปไหมหว่า? แต่ไม่เป็นไรเพราะยังไงน้องโฟกัสก็ยังน่ารักอยู่ดี :D

ผมพึ่งมารู้ตัวว่าตาข้างซ้ายของผมไม่มีระยะชัด

เมื่อก่อนตอนที่ไปตรวจสายตา ผมแอบเถียงหมอในใจว่าก็หมอให้ปิดตาซ้าย อ่านหนังสือด้วยตาขวา แล้วให้ปิดตาขวา อ่านหนังสือด้วยตาซ้าย ตาผมมันยังปรับสภาพรับแสงไม่ทัน มันก็เบลอหน่ะสิ แต่เมื่อสองวันก่อน หลังจากหยอดน้ำตาเทียม (เพราะตาแห้ง) แล้วลองลืมตาขึ้นมาดูตัวหนังสือทีละข้าง ก็พบว่าตาซ้ายไม่สามารถอ่านหนังสือได้ ขนาดว่าหนังสือตัวโตๆ มันยังไม่ชัดเลย เดินเข้าไปใกล้ๆ ถอยออกมาไกลๆ ก็มองไม่ชัด

ไอ้ครั้นจะให้ไปตัดแว่น ผมก็ไม่อยากไปอีก เพราะสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจนด้วยตาขวาตาเดียว หรือดูด้วยตาทั้งสองพร้อมๆ กัน (ไม่อยากเป็นพวกใช้คอมพิวเตอร์แล้วต้องใส่แว่นด้วย)

====
ว่าด้วยเรื่องน้ำตาเทียม ผมว่ามันใช้ได้ผลดีเหมือนกันนะ เพราะมันช่วยให้ผมมีน้ำตา ... ตั้งแต่ตอนจ่ายตังค์ค่ายาแล้ว เพราะน้ำตาเทียมหลอดเดียว เล่นเอาผมหมดตัวเลย ... ฮือๆ (ถ้าน้ำตาเทียมหลอดนี้หมดแล้ว ต่อไปหาเรื่องทำให้ร้องไห้เองดีกว่า)

Saturday, August 07, 2004

มีตติ้งย่อย (ยิบๆ)

เริ่มบ่ายสองของวันนี้ มีมีตติ้งย่อยๆๆๆๆๆ ของชาว Open Source .. (ทำไมมีแต่ ช หว่า)

คุณวีร์ มาเป็นคนแรก .. มาถึงขอเบอร์โทรศัพท์ที่ร้าน (แต่ชี้มือไปทางเคาท์เตอร์ที่แฟนสุดเคารพรักของผมนั่งอยู่ เลยเจอแซวไปว่า พึ่งเจอกันครั้งแรกก็จะขอเบอร์แฟนผมแล้วเรอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ...)

น้องเป้ (มาเป็นลูกค้าตั้งแต่เมื่อวาน) แวะมาฟังการสนทนาด้วย (ที่จริงก็มีคำถามมาถามด้วยแหละ แต่ไม่รู้ว่ามีโอกาสได้ถามหรือเปล่า)

คุณไป๋ (cwt) กับคุณโป้ง (สอง ป. สองป่อง ผมเลยเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น ป่อย จะได้เป็นสาม ป. สามป่อง)

น้องเอก ... ลูกค้าคนแรกที่กระโดดใส่ Linux ที่ร้าน แวะมาหา หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน ... คิดถึงน้องเอกมานานแล้ว ตั้งแต่เปลี่ยนระบบเน็ตที่ร้านมาเป็น ADSL 512/256 เพราะอยากให้น้องได้ลองใช้ของเร็ว และคิดถึงอีกบ่อยๆ เมื่อมีการ upgrade applications ต่างๆ ภายในร้าน ...

แก๊งค์อ้วนผอม TLE (คุณกำธร กับ อ.กิตติ์) เป็นรายถัดมา และมาช่วยดูอาการเครื่องผมที่กำลังมีปัญหากับ browsers ต่างๆ ในเครื่อง (แต่น่าเจ็บใจชะมัด ... ตั้งแต่เริ่มจับตาดูอาการ จนลากลับกันหมดแล้ว ป่านนี้เครื่องยังไม่มีปัญหาเลย)

พี่นุ ชนกลุ่มน้อย (OS) ก็มา

พี่อาคมมาเป็นคนรองสุดท้าย

ปิดตูดด้วย คุณปราบดา หยุ่น เอ๊ย คุณ modeller .. ผู้ที่ไม่คาดคิดว่าผู้ใช้ Linux จะมีอายุน้อย และหน้าตาดีเหมือนอย่างผม (อิอิ - blog นี้เราเขียนเอง เพราะฉะนั้นเราน่ารักที่สุด)

รายละเอียดไม่มากนัก ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยได้คุย เพราะมีงานพิมพ์เข้ามาเรื่อยๆ แต่ได้ร่วมคุยด้วยตอนเรื่องฮาๆ เกี่ยวกับโทรศัพท์ ...

เดี๋ยวคงต้องเอาไว้แค่นี้ก่อน มีเพื่อนแวะมาหา :)

Thursday, August 05, 2004

le diner de cons (The dinner game)

"เดอะก๊อง เจอแล้วต้องเชิญมายำ" หนังฝรั่งเศสสั้นๆ แค่ cd แผ่นเดียว แต่ดูแล้วชอบในระดับหนึ่ง (ให้สามดาวครึ่งนะ ที่เหลือจะกั๊กไว้กินกับกาแฟ)

เนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสที่มีกิจกรรมคืนวันพุธร่วมกัน โดยการเชิญคนที่ตนคิดว่า ก๊อง (ติงต๊อง) มาร่วมรับประทานอาหารค่ำ และดูว่าแขกของใครจะก๊องได้มันที่สุด

ส่วนที่ชอบในหนังเรื่องนี้
๑. ทำให้เข้าใจถึงคนที่ดูเหมือนสติไม่ดี ป้ำๆ เป๋อๆ หลายๆ คน อาจจะเกิดจากการเสียใจในเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้พวกเขามีวิธีบำบัดตัวเองด้วยการแสดงออกอย่างนั้น
๒. เป็นหนังที่แอบกัดเจ้าหน้าที่สรรพากรอย่างสนุก แสบ คัน ทำให้คนที่เคยหรือกำลังถูกเจ้าหน้าที่สรรพากรเล่นงานหัวเราะออกมาได้อย่างสะใจ
๓. ฮาแหลก ยอมรับว่านักแสดง ช่างแสดงได้แนบเนียนมาก ไม่มีตอนไหนเลยที่รู้สึกว่านี่คือการแกล้งทำ ทำให้เชื่อได้อย่างสนิทใจว่า ไอ้หมอนี่แหละ เดอะก๊อง จริงๆ (คงต้องให้ความดีความชอบกับทีมพากย์ พันธมิตร ด้วยเช่นกัน ที่ทำงานออกมาได้มันมาก)
๔. นางเอกสวยครับ :)

ส่วนที่ไม่ค่อยชอบในหนังเรื่องนี้
๑. ไม่ได้เห็นความก๊องของแขกคนอื่นๆ มากนัก
๒. การตัดต่อระหว่างฉากบางฉาก ดูเหมือนมันกระโดดๆ ไม่ค่อยต่อเนื่องกันเท่าไหร่

สรุป แนะนำให้หามาดูครับ :) คลายเครียด (ยกเว้นถ้าคุณเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร อาจจะตลกได้น้อยกว่าคนอื่นๆ นิดนึง)

Wednesday, August 04, 2004

ชีวิตที่ซุกซนเหมือนแมว stay young เหมือนอย่างแมว

เส้นทางจากร้านกลับบ้าน และจากบ้านไปธนาคาร ของผมต้องผ่านจุดจอดแมว (cat's spot) สองจุด

จุดจอดแมว คือ สถานที่ที่มีแมวมารวมตัวกันอยู่ค่อนข้างมาก ทั้งแมวรุ่นอาวุโส และรุ่นเยาว์ แล้วก็จะมีคนนำอาหารมาให้พวกมันกิน จุดแรกอยู่ริมถนนซึ่งเป็นบริเวณที่มีแสงแดดส่องลงมาในพื้นที่นั้นอย่างค่อนข้างกว้างขวาง จึงกลายเป็นลานอาบแดดของเหล่าแมวๆ ทั้งหลาย ส่วนจุดที่สองอยู่หน้าบ้านคน (ประมาณว่าบ้านนั้นเลี้ยงแมวไว้หลายตัว)

เวลาที่ผมเดินผ่านจุดจอดแมวทั้งสองแห่ง ผมมักจะหยุด และจ้องดูพฤติกรรมของพวกมันสักพัก ก่อนจะออกเดินต่อไป (ส่วนใหญ่จะดูจนกระทั่งพวกมันรู้ตัวว่าถูกมองอยู่ แล้วหันมาทำตาดุๆ ใส่ผมนั่นแหละ)

พฤติกรรมของพลพรรคแมวที่ผมสังเกตเห็น คือ แมวเด็ก จะมีความสนใจใคร่รู้ และอุดมไปด้วยความซุกซน ส่วนแมวโต มักจะไม่ค่อยสนใจใคร่รู้เท่าไหร่ แต่ถ้ามีอะไรมาหลอกล่อ มันก็ยังคงความเป็นนักล่าที่ซุกซนได้เหมือนเดิม ทำให้แมวเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูอ่อนเยาว์ตลอดเวลา และนั่นก็ทำให้มันเป็นสัตว์โลกที่น่ารัก เพราะไม่ว่ามันจะมีอายุเท่าไหร่ แต่สัญชาติญาณแห่งความซนก็ยังคงมีอยู่ในตัวพวกมันเสมอ

ดังนั้น บางครั้งหากเราทำตัวให้มีความซุกซนเหมือนอย่างแมวโตบ้าง เราก็จะยังคงความอ่อนเยาว์ และน่ารักไว้ได้เหมือนอย่างแมวเช่นกัน (กระมัง) :D

(ข้อความข้างต้นทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น เป็นคำยืนยันอย่างแข็งขันว่า ผมน่ารัก เพราะผมยังคงมีความซนอยู่ในหัวใจจนทุกวันนี้ อิอิ)

เย้ ... ฝันดีจัง

เมื่อคืนฝันว่าได้กลับไปขอนแก่น ได้เดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยด้วย แถมได้กระโดดบล๊อคลูกบอลที่เขาเตะกระเด็นมาทางเราด้วย เย้ คุ้มจัง ฝันว่าได้กลับไปสถาที่ที่ชอบ และได้เล่นกีฬา (นิดหน่อย) อีกต่างหาก ตื่นมารู้สึกเลยว่าผอมลงนิดนึง (หลอกตัวเองหน่ะ)

ในฝันมีกลุ่ม ๕ ร.ม.ย.จ. ครบเลย (ห้ารูมเมทอยากเจอ ประกอบด้วย สิงห์ขี้เมา, ตูดปอด, ปากกว้าง, หูกาง, คางแพะ) อืมนานมากแล้วสินะที่ไม่เคยรวมกันได้ครบห้าคนสักที ... (ล่าสุดที่ครบห้าคนนี่มันตอนไหนหว่า?)

เมื่อเช้าเลยส่ง SMS ไปหาหมีเล็ก (หูกาง) ว่าคิดถึง แล้วหมีเล็กก็เลยโทรมา บอกว่าตอนนี้อยู่กรุงเทพฯ บ่ายนี้อาจจะเข้ามาหา ... เราเลยเล่าให้ฟังว่าวันก่อน สมเจตน์ (สิงห์ขี้เมา) ก็โทรมาคุยด้วยเหมือนกัน ...

เดี๋ยวส่ง SMS ไปหาประโยชน์ (คางแพะ) ดีกว่า ส่วนอั๋น (ตูดปอด) มาหาเราที่ร้านบ่อยๆ อยู่แล้ว :D

ลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

หากเราสามารถกำหนดได้ว่าจะหยุดลมหายใจสุดท้ายของชีวิตไว้ ณ สถานที่ใดก็ได้ ... สถานที่แห่งนั้นของคุณจะเป็นที่ไหน?

ผมเลือกขอนแก่น ... เพราะผมรู้สึกผูกพันกับที่นั่น

(คิดถึงบะหมี่หยกสามก้อนแห้งจัง หิว หิว)

Sunday, August 01, 2004

หยดหนึ่งแห่งกาลเวลา

เธอ เธอคือผู้หนึ่ง ที่จะซาบซึ้งถึงน้ำใจ
เรานำ รักนั้นมาให้ รักที่สดใสบรรเจิดตา

ฟ้า ฟ้าย่อมลิขิต ทางแห่งชีวิตนี้ให้มา
รวมกัน รักมีคุณค่า ยากที่จะหาใดเทียมทัน

(*)หยดหนึ่งแห่งกาลเวลา ที่เราได้มารวมกัน
ทำงานเพื่อสถาบัน พวกเราเท่านั้นคือหัวใจ

รวม รวมกันเราอยู่ หากมีศัตรูหรือปวงภัย
ทำลายพวกเราไม่ได้ ด้วยสิ่งสุดท้าย คือพลัง

====
ข้างบนคือเพลง "หยดหนึ่งแห่งกาลเวลา" ที่อาจารย์โรงเรียนสตรีวิทยาท่านหนึ่งได้แต่งไว้ (ขออภัยอาจารย์จริงๆ ครับ ผมจำชื่อท่านไม่ได้) และได้นำมาให้พวกเราซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มต่อต้านยาเสพติดและโรคเอดส์ "เพื่อน เพื่อ เพื่อน" (Friend For Friend) นำมาขับร้องเป็นเพลงประจำกลุ่ม

กลุ่ม "เพื่อน เพื่อ เพื่อน" เป็นกลุ่มที่ประกอบด้วยโรงเรียนมัธยมต่างๆ มาทำงานร่วมกัน ในสมัยแรกมีกันไม่กี่โรงเรียน แต่ต่อมาได้ขยายออกไปเป็นหลายสิบโรงเรียน

ทุกวันนี้ผมยังมีโอกาสได้ติดต่อเพื่อนๆ ร่วมรุ่นต่างโรงเรียน ที่เคยทำงานมาด้วยกันอยู่บ้าง และบ่อยครั้งที่ผมนึกถึงเพลงนี้ และร้องมันออกมา ผมรู้สึกว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่สวยงาม อย่างน้อยที่สุดก็ในความทรงจำที่ดีของผม

ถ้าหากว่าจะเกิดอะไรปัจจุบันทันด่วน และทำให้ผมไม่มีโอกาสได้แสดงความรู้สึกใดๆ ได้อีก ... ผมอยากบอกเพื่อนๆ ทุกคนไว้ที่ตรงนี้ว่า ผมคิดถึงพวกคุณอยู่บ่อยๆ และดีใจที่พวกเราได้มีหยดหนึ่งแห่งกาลเวลาร่วมกัน :)